นายเหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเหวย ปีนี้อายุ 75 ปี หลายปีก่อนเคยผ่าตัดสองครั้งเนื่องจากโรคมะเร็ง เป็นคนที่ชอบอยู่เงียบๆ ไม่เคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ไม่เคยจัดแถลงข่าวด้วยตนเอง เขาคิดว่าชีวิตนี้อาจจะอยู่อย่างสบาย และสงบตลอดไป
แต่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขาต้องออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจากสื่อใหญ่ ๆ ทั้งจากจีน อังกฤษ สหรัฐฯ และเยอรมนี
มีผู้สื่อข่าวถามลุงเหรินเจิ้งเฟยว่า คุณเคยกล่าวว่าไม่อยากเป็นผู้กระทำโดยลำพังฝ่ายเดียว แต่ต้องการความร่วมมือจากทั่วโลก และเวลานี้ คุณก็กล่าวว่าหัวเหวยมีการเตรียมพร้อมรับมือกับสหรัฐฯ ผมจึงเข้าใจว่า การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน กำลังทำลายห่วงโซ่การตอบสนองผลิตภัณฑ์ทั่วโลก ทำให้ตลาดโลกเกิดความวุ่นวาย
ประการที่สอง ช่วงที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีข้อสงสัยต่อการบริหารบริษัทของหัวเหวย และปัญหาการบัญชี เป็นต้น คุณคิดว่าเหตุใดสหรัฐฯ จึงพยายามที่จะต่อสู้กับหัวเหวย
นายเหริน เจิ้งเฟยตอบว่า นักการเมืองสหรัฐฯ คิดยังไงผมก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่า สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือ เราถูกสหรัฐฯ โจมตีเพราะเทคโนโลยีของเรานำหน้าในระดับโลก ระบบ 5G ไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ แต่เป็นสิ่งที่สร้างความผาสุกให้กับโลกมนุษย์
ปริมาณบรรจุ 5G คิดเป็น 20 เท่าของ 4G และเป็นหมื่นเท่าของ 2G ลดการใช้ไฟฟ้าลง 10 เท่าเมื่อเทียบกับ 4G สถานีส่งสัญญาณ 5G มีเพียง 20 กิโลกรัมเท่านั้น เหมือนกับกระเป๋าเดินทางที่สามารถพาไปไหนก็ได้ ไม่ต้องการสร้างเสาส่งสัญญาณขนาดใหญ่อีกแล้ว สามารถเอาไปติดตั้งบนเสาไม้หรือผนังกำแพงตามใจชอบ เรายังใช้วัสดุทนทานต่อการกัดกร่อน ซึ่งสามารถใช้ได้นานหลายสิบปี จึงสามารถเอาไปวางในท่อระบายน้ำเสียได้ด้วย ความสะดวกอย่างนี้เหมาะกับประเทศยุโรป เพราะว่าในยุโรปมีเขตเมืองเก่าแก่จำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถสร้างเสาส่งสัญญาณขนาดใหญ่เหมือนจีน แต่ในจีนก็ทำได้ง่ายๆ เช่นกัน คือเราไม่ต้องสร้างเสาส่งสัญญาณใหม่อีกแล้ว เราสามารถนำตู้ 5G ไปติดตั้งบนเสาส่งสัญญาณที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างสบาย