ตัวเลขที่สองคือ การสำรองเงินตราต่างประเทศจัดอยู่อันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 13 ปี ตอนที่สถาปนาจีนใหม่ การคลังจีนยากลำบากมาก รายได้การคลังมีเพียง 6 ,200 ล้านหยวน ปี 1978 เพิ่มขึ้นเป็น 113,200 ล้านหยวน ปี 1999 ทะลุเป้า 1 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรก จนถึงปี 2018 เพิ่มมากขึ้นเป็น 18.33 ล้านล้านหยวน
พร้อมๆ กับที่รายได้การคลังที่เพิ่มขึ้น การสำรองเงินตราต่างประเทศจีนก็เพิ่มขึ้นจาก 108 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มาเป็น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ปลายปี 2006 จนถึงสิ้นปี 2018 จีนมีการสำรองเงินตราต่างประเทศเกินกว่า 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จัดอยู่ในอันดับ 1 ของโลก ต่อเนื่องกัน 13 ปี
ตัวเลขที่สามเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิต ช่วง 70 ปีที่ผ่านมา โครงสร้างอุตสาหกรรมของจีนปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนที่สถาปนาจีนใหม่ เศรษฐกิจจีนอาศัยเกษตรกรรมเป็นหลัก อาหารการกิน การใช้ชีวิตขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ แต่รัฐบาลจีนใช้ความพยายามผลักดันโครงสร้างเศรษฐกิจจากพัฒนาอุตสาหกรรมปฐมภูมิเป็นหลัก มาเป็นอุตสาหกรรมตติยภูมิเป็นหลัก และยอดปริมาณการผลิตธัญญาหารของจีนก็เพิ่มขึ้นจาก 1.13 ล้านล้านตันในปี 1949 มาเป็น 6.58ล้านล้านตันในปี 2018
โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการผลิต ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศเดียวของโลกที่มีประเภทอุตสาหกรรมการผลิตทั้งหมด ครบวงจรและสมบูรณ์แบบตามบัญชีรายชื่อที่ประกาศโดยสหประชาชาติ ยอดปริมาณการผลิตของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกว่า 200 ชนิด จัดอยู่ในอันดับ 1 ของโลก มูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมการผลิตจัดอยู่ในอันดับของ 1 โลก ตั้งแต่ปี 2010 อย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ยกตัวอย่างเช่น ปริมาณการผลิตเหล็กกล้า ปี 2018 จีนผลิตเหล็กกล้า 1 ,110 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 8,503 เท่า เมื่อเทียบกับปี 1949 มีชาวเน็ตจีนบางคนได้พิจารณาตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับยอดปริมาณการผลิตเหล็กกล้าของจีน และเอาไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ของโลก แล้วเปิดเผยรายชื่อการจัดอันดับปริมาณการผลิตเหล็กกล้าในท้องที่ต่างๆ ปรากฏว่า อันดับ 1 คือ จีนที่ไม่รวมถึงมณฑลเหอเป่ยของจีน อันดับ 2 คือมณฑลเหอเป่ยที่ไม่รวมถึงเมืองถังซาน ซึ่งเป็นเมืองในมณฑลเหอเป่ย อันดับ 3 คือเมืองถังซาน เมืองที่ขึ้นชื่อด้านอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กกล้าในมณฑลเหอเป่ย แล้วรองลงมาอันดับ 4 - 8 คือ ญี่ปุ่น สหรัฐ อินเดีย รัสเซียและเกาหลีใต้