เมื่อกราบบังคมทูลถามถึงความรู้สึก เมื่อทรงทราบว่าได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องอิสริยาภรณ์ “รัฐมิตรภรณ์” กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตรัสว่า ข้าพเจ้ารู้สึกภูมิใจและซาบซึ้งใจมากที่รัฐบาลจีนนึกถึงข้าพเจ้า เพราะที่จริงแล้ว ผู้มีคุณูปการต่อประเทศจีนมีจำนวนมาก ข้าพเจ้าเป็นบุคคลโชคดีที่มีโอกาสเดินทางมายังประเทศจีนและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย ดังนั้น จึงเป็นความยินดีและความภูมิใจของข้าพเจ้าที่ได้รับเหรียญรางวัลนี้
เมื่อกราบบังคมทูลถามถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศจีนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา จากการที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนหลายครั้ง โดยทรงเป็นประจักษ์ พยานถึงการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของจีนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตอบว่า
“ข้าพเจ้าคิดว่า เกิดจากประชาชนจีน จากการสังเกตของข้าพเจ้า ชาวจีนชอบศึกษา เรียนรู้ เพิ่มเติม และทำงานหนัก ข้าพเจ้าคิดว่า ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้จีนเจริญรุ่งเรืองและเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ แม้ข้าพเจ้ามีโอกาสเยือนจีนในช่วงเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 จนถึงปัจจุบัน แต่จีนก็ เปลี่ยนไปมาก การมีผู้นำที่ดีรวมไปถึงคุณภาพของประชาชนชาวจีน ที่ขยัน ทำงานหนัก ฉลาด รวม เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้จีนเป็นอย่างทุกวันนี้ได้”
เมื่อกราบบังคมทูลถามถึงความประทับใจตลอดระยะเวลาการทรงงานด้านการส่งเสริม ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างไทย-จีน กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตรัส ว่า
“ตอนนี้ ข้าพเจ้ารู้จักคนจีนหลายรุ่น ‘เติ้งอิ่งเชา' บอกว่า ให้ข้าพเจ้าเรียกเธอว่า ‘ต้าเจี่ย' (พี่สาวคนโต) แต่ความจริง คือ เธออาวุโสกว่าข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้าควรเรียกเธอว่า ‘หน่ายนาย' หรือ คุณยาย แต่เธอบอกข้าพเจ้าให้เรียกเธอว่า พี่สาว เพื่อที่จะพูดคุยแล้วรู้สึกใกล้ชิด ทีแรก เธอเรียก ข้าพเจ้าว่า ‘เจี่ยเจีย' (พี่สาว) สำหรับลูก ๆ ให้เรียกข้าพเจ้าว่า ‘กูกู่' (อา) แต่ตอนนี้ เรียกเป็น ‘หน่าย นาย' (ย่า) ดังนั้น ข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าเยือนจีนมาเป็นเวลานาน มีเพื่อนมากมายหลายรุ่น และนี่คือ จุดที่มีความสุขมากที่สุด”