“ชาวจีนชอบดื่มชา ชาวต่างประเทศชอบดื่มกาแฟ” เป็นความเห็นทั่วไปมานานแล้ว จนถึงทศวรรษ 1990 ของศตวรรษที่ 20 นอกจากโรงแรมหรูหราสำหรับชาวต่างประเทศแล้ว ไม่ค่อยมีร้านขายกาแฟในจีน ต่อมาปี 1999 Starbucks เปิดร้านแรกในจีน ในขณะที่ยังไม่แน่นอนว่า ชาวจีนที่ติดชาจะชอบเครื่องดื่มชนิดนี้หรือไม่ และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เครื่องดื่มกาแฟเป็นที่นิยมมากขึ้น มีประชาชนจีนชอบกินกาแฟจำนวนมากขึ้น แต่แท้ที่จริงแล้ว ชาวจีนชอบดื่มชาหรือกาแฟมากกว่า?
จีนเป็นแหล่งผลิตใบชา ชาวจีนพบและใช้ใบชาเป็นประโยชน์มาตั้งแต่เมื่อกว่า 4,700 ปีก่อน ดังนั้น การดื่มชาเป็นเรื่องธรรมดามากในสมัยโบราณของจีน จนถึงปัจจุบัน ชาวเผ่าต่างๆ ของจีนยังมีประเพณีที่ใช้ชาแสดงถึงมิตรภาพและความเคารพ ทำให้ชากลายเป็นหนึ่งใน “7 สิ่งเปิดประตูบ้าน” ของจีน
“7 สิ่งเปิดประตูบ้าน(开门七件事)” ถือเป็น 7 สิ่งพื้นฐานสำคัญด้านการกินอยู่ของประชาชนจีน ที่สรุปขึ้นโดยชาวจีนโบราณ และเป็นที่ยอมรับแพร่หลายไปทั่วประเทศ จนกลายเป็นสำนวนติดปากมาถึงทุกวันนี้ ซึ่ง 7 สิ่งสำคัญที่ชาวจีนต้องมีเพื่อการดำรงชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เปิดประตูบ้านในตอนเช้า ได้แก่ ฟืน ข้าวสาร น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว จิ๊กโฉ่ว และชา (柴米油盐酱醋茶)
ชาวจีนปลูกชา ผลิตชาและดื่มชา ทำให้เกิดค่านิยมด้านชา และยังได้เพิ่มเติมความหมายทางวัฒนธรรมให้กับชาอีกด้วย ลู่อี่ว์-ผู้มีความรู้ด้านชาสมัยราชวงศ์ถังได้เขียน “คัมภีร์แห่งชา” เป็นหนังสือรวบรวมความรู้ด้านการผลิตและธรรมเนียมการดื่มชาในสมัยราชวงศ์ถังและก่อนราชวงศ์ถัง พร้อมแสดงความเห็นว่า ผู้ที่ผลิตชาและดื่มชาควรปฏิบัติตนตามระเบียบและคุณธรรมสังคม มีความขยันหมั่นเพียร ซึ่งปัญญาชนจีนโบราณนอกจากจะให้ความสำคัญกับน้ำใจและคุณธรรมแล้ว จะพิถีพิถันในเรื่องการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ชงชา น้ำที่นำมาใช้ชงชาและศิลปะในการชงชา ซึ่งจะผสมผสานความคิดของลัทธิขงจื๊อ ลัทธิเต๋า และศาสนาพุทธไว้ด้วย และระหว่างดื่มชาจะยังมีการประพันธ์บทกวีถ่ายทอดความรู้สึกเกี่ยวกับชาเอาไว้มากมาย เฉพาะบทกวีสมัยราชวงศ์ถัง ก็มีกว่า 400 บทจากนักกวีกว่า 100 คน และถูกถ่ายทอดสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน จนเป็นพื้นฐานของวัฒนธรรมชาของจีน