ผู้เชี่ยวชาญไทยชี้จีนตั้งเป้าหมายการเติบโตร้อยละ 5.5 ในปี 2022 ไม่เน้นเติบโตแต่เน้นเสถียรภาพ
การประชุมสองสภาจีน (การประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนและการประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน) ประจำปี 2022 ได้เปิดฉากขึ้นแล้วในกรุงปักกิ่ง ในฐานะหน้าต่างสำคัญในการสังเกตจีน การประชุมสองสภาแต่ละปีมักเป็นที่จับตามองทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะกล่าวรายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลต่อที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนได้แถลงว่าจีนตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2022 ไว้ที่ร้อยละ 5.5
เกี่ยวกับประเด็นนี้ รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีนมองว่า “ดูสมเหตุสมผล” ขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน
รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์นกล่าวว่า แม้ว่าในปีที่ผ่านมา จีนจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 8.1 หากแต่การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนนับจากนี้ไป คาดว่าจะประสบกับความยากลำบากกว่าเดิม นายกรัฐมนตรีของจีน นายหลี่เค่อเฉียงได้ออกมายอมรับเองว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญแรงกดดัน 3 ด้าน คือ อุปสงค์ลดลง อุปทานอาจรับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ (Supply Shock) และความคาดหวังของตลาดและประชาชนลดลง ดังนั้น การตั้งเป้าหมายเติบโตที่ร้อยละ 5.5 ในปี 2022 จึงมีความเหมาะสมแล้ว โดยไม่เน้นการเติบโตแต่เน้นรักษาเสถียรภาพ เพราะเป็นช่วงเวลาที่จีนจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาด้านอุปสงค์กำลังซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศที่หดตัว ในขณะที่ห่วงโซ่อุปทานก็กำลังถูกคุกคาม
ดังนั้น หากเศรษฐกิจจีนเติบโตลดลงหรือชะลอตัว ย่อมจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั้งในภูมิภาคและระดับโลกที่มีจีนเป็นคู่ค้าหลัก และพึ่งพาจีนทางด้านเศรษฐกิจมากเกินไป รัฐบาลประเทศเหล่านั้น จึงควรหันมาเน้นแนวทาง Resilience คือ ล้มแล้วลุกให้เร็ว ยืนบนขาตัวเองให้ได้ และเน้นสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์นกล่าวเพิ่มเติมว่า โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตต่างๆ ที่น่ากังวลมาก ทั้งจากปัญหาวิกฤตการระบาดของโควิด19 ที่ยืดเยื้อยังไม่จบ ไปจนถึงปัญหาสงครามจากวิกฤตยูเครน ความพยายามของจีนที่จะให้ประเทศต่างๆ หันมาร่วมมือกัน ไม่ใช่มาทะเลาะหรือทำสงครามฆ่าฟันกันย่อมจะเป็นสิ่งที่ดี ที่ผ่านมา จีนได้ผลักดันยุทธศาสตร์ BRI อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2013 จนถึงวันนี้ ก็หวังว่า จีนจะมีบทบาทในการช่วยสร้างประชาคมแห่งอนาคตเพื่อทุกประเทศที่ร่วมมือกัน โดยเฉพาะประเทศที่เป็นผู้รับการลงทุนจากจีนหรือเป็นคู่ค้าของจีนจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงวาทกรรมที่สวยหรู กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจของทุกฝ่าย
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน