บทวิเคราะห์: “NATO ในอดีต” ไม่จำเป็นต้องกลับมาอีกแล้ว

วันที่ 24 มีนาคมตามเวลาท้องถิ่น เว็บไซต์ NATO เผยแพร่ภาพถ่ายรูปหนึ่งเกี่ยวกับผู้นำสหรัฐฯ และยุโรปที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอด NATO โดยภาพถ่ายรูปนี้มีการออกแบบอย่างดีในด้านมุมภาพและการจัดลำดับตำแหน่งยืนของผู้นำต่าง ๆ อย่างละเอียด ทั้งนี้ ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “NATO ในอดีต” กลับมาอีกแล้ว หลังการประชุมสุดยอดนี้สิ้นสุดลง นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็รีบกล่าวต่อสื่อว่า NATO เข้มแข็งและเป็นสามัคคีเหมือนแต่ก่อน

แต่ความจริงเป็นเช่นนี้หรือ การตกแต่งประณีตสวยงามเพียงไรก็ไม่สามารถปกปิด “วิกฤตความชอบด้วยกฎหมาย” และข้อขัดแย้งใหญ่หลวงภายในสหพันธ์ทางทหารใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ องค์กรเช่นนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากสงครามเย็น “NATO ในอดีต” ไม่จำเป็นต้องกลับมาอีก

สำหรับสหรัฐฯ NATO เป็นเครื่องมือทางทหารที่ใช้ในการจับกลุ่มการเมืองและรักษาลัทธิครองความเป็นใหญ่ของตน แต่ข้อขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปที่ยากจะแก้ไขนั้นทำให้ NATO ยากที่จะใช้จังหวะก้าวเช่นเดียวกับสหรัฐฯ

อย่างเช่นปัญหายูเครน แม้ว่าสหรัฐฯ และยุโรปล้วนเห็นด้วยต่อการใช้มาตการแข็งกร้าวต่อรัสเซีย แต่ผลประโยชน์ระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปมีความแตกต่างกันอย่างมาก สำหรับยุโรปมีแต่การเร่งแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างสันติจึงจะสามารถรักษาความมั่นคงทางพลังงาน สหรัฐฯ รู้จุดนี้อย่างชัดเจน แต่นี่ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของสหรัฐฯ ที่เป็นผู้ราดน้ำมันลงกองไฟ สหรัฐฯ ยังคงแสดงตัวเป็นพระเอกหรือผู้นำโลกตะวันตก บีบบังคับให้ประเทศพันธมิตรใช้ “มาตรการยับยั้งรอบด้าน” ต่อรัสเซียอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ยุโรปถูกมัดบนรถแห่งสงครามไว้แน่น ทำให้กลายเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์และรักษาลัทธิครองความเป็นใหญ่ของสหรัฐฯ

สหรัฐฯ คงไม่มีสิทธิ์เป็นผู้นำและควบคุมโลก ยุโรปเป็นของชาวยุโรป ปัจจุบันการปะทะระหว่างรัสเซีย-ยูเครนดำเนินไปนานกว่า 1 เดือนแล้ว ชาวโลกจำนวนมากขึ้นกำลังคิดถึงปัญหาว่า วิกฤตยูเครนเกิดขึ้นจากที่ใด จนถึงขณะนี้ผู้ที่ยุยุงให้เกิดสงครามอยู่เบื้องหลังยังไม่มีเจตนาที่จะผลักดันการแก้วิกฤตยูเครนอย่างสันติ แต่ยังคงคิดที่จะให้ผู้อื่นนองเลือดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน สหรัฐฯ ที่เป็นแบบนี้เป็นที่น่าเชื่อใจสำหรับพันธมิตรตะวันตกของเขาหรือ