ผู้เชี่ยวชาญไทยแนะนำ“แปลงจีนให้เป็นโอกาส”จากโมเดลใหม่ของจีน
ในอดีต จีนเป็นมหาอำนาจของโลกด้านการส่งออกสินค้า จีนเป็นผู้ผลิตและผู้ขายสินค้าไปทั่วโลก แต่ภายใต้โมเดลใหม่นี้ จีนกำลังจะพลิกโฉมกลายมาเป็นมหาอำนาจด้านการเป็นผู้ซื้อหลักของโลกจะเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้าที่สำคัญในอนาคต ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบก็คล้ายคลึงกับภาพของสหรัฐในอดีตในฐานะเป็นตลาดหลักที่ทั่วโลกต่างต้องการค้าขายด้วย แต่กำลังจะปรับเปลี่ยนกลายเป็นภาพของจีนในอนาคตที่จะมาแทนที่สหรัฐฯ ในฐานะตลาดหลักของโลก ด้วยพลังผู้บริโภคจีนที่มีกำลังซื้อมากขึ้น
นอกจากนี้ ภายใต้โมเดลใหม่นี้ จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จีนไม่เน้นเติบโตแต่เน้นมั่นคง โดยเฉพาะความมั่นคงทางอาหาร ทางการสาธารณสุขและด้านพลังงาน การพัฒนาของจีนนับวันจะเน้นเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ
จากการคาดการณ์ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ขนาดเศรษฐกิจจีดีพีของจีนอาจจะแซงหน้าสหรัฐฯ มาเป็นอันดับหนึ่งของโลกได้ภายในปี 2024
ด้านนวัตกรรมทางการเงิน จีนก็มีความก้าวหน้าอย่างโดดเด่น จีนเป็นชาติแรกของโลกที่สร้างเงินดิจิทัลมาให้ประชาชนเพื่อจับจ่ายใช้สอยที่เรียกว่า “เงินหยวนดิจิทัล” เริ่มทดลองใช้ตั้งแต่กลางปี 2020 และมีความคืบหน้ามาโดยตลอด จึงเชื่อว่า ในอนาคต จีนจะส่งออกเงินหยวนดิจิทัลไปทั่วโลก เพื่อให้มีการใช้เงินหยวนดิจิทัลมากขึ้นในระดับสากลทั่วไป
พัฒนาการทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของจีนย่อมจะสร้างความกดดันกับประเทศคู่แข่งหรือผู้ผลิตในต่างประเทศ รวมทั้งภาคเอกชนไทย ทั้งนี้ ไม่ควรกังวลจนเกินไป แต่ควรใช้เป็นแรงผลักให้เราต้องตื่นตัว และปรับตัวอย่างจริงจัง เพื่อแสวงหาโอกาสจากโมเดลใหม่ของจีน โดยเฉพาะศักยภาพของผู้บริโภคจีนที่สนใจอาหารคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ความงาม หรือผลิตภัณฑ์เด็กที่จะเป็นโอกาสของไทย รวมทั้งด้านพลังงานสะอาด เป็นทิศทางที่สอดคล้องกับไทยที่มีวาระแห่งชาติในเรื่อง BCG model มุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว/เศรษฐกิจชีวภาพ/เศรษฐกิจหมุนเวียน ดังนั้น ด้านพลังงานชีวภาพ เป็นอีกสาขาที่ไทยมีศักยภาพในการเชื่อมโยงกับจีน และน่าจะมีประเด็นความร่วมมือที่ไทย-จีนจะเติบโตไปด้วยกัน