นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ : รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนสามารถรักษาเสถียรภาพทางการเมืองควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าว : ท่านมองว่า สิ่งที่เรียกว่า “ความแตกต่างด้านอุดมการณ์” เป็นอุปสรรคในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างพรรคของท่านกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือไม่
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ : จีนกับไทย แม้เราจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่เรามีเป้าหมายปลายทางเดียวกันคือการทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนในประเทศให้ได้อยู่ดี กินดี มีความสุข อย่างเสมอภาคถ้วนหน้า ความร่วมมือในหลายด้านระหว่างจีนและไทยที่ได้ดำเนินการไปแล้วในอดีตรวมถึงอนาคต เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีกว่า รูปแบบการปกครองที่แตกต่าง ไม่เป็นอุปสรรคในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างเราเลย และความร่วมมือทั้งตรงและทางอ้อมที่เกิดขึ้นนั้นกลับยิ่งสานสัมพันธ์ให้จีนและไทยแนบแน่นใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น
รัฐบาลจีนได้พิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นแล้วว่า ผลจากการทำงานหนักและใช้ความพยายามอย่างแข็งขันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถนำจีนผงาดสู่ตำแหน่งหนึ่งในประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจระดับโลกได้อย่างแข็งแกร่ง การเติบโตของจีนนี้ยังได้สร้างผลกระทบทางอ้อมเป็นผลบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าจีนมีผลกระตุ้นทางบวกให้กับเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าว : การแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างพรรคของท่านกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ขยายบทบาทอะไรบ้างต่อการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ : สายสัมพันธ์ที่แนบแน่น ต่อเนื่อง และยาวนานระหว่างจีน-ไทย มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งเชิงรากฐานให้กับภูมิภาคเอเชีย การเพิ่มพูนศักยภาพด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการขยายตัวด้านต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการศึกษาและวัฒนธรรม ปัจจุบันคนไทยกว่า 1 ล้านคนเรียนภาษาจีนเป็นภาษาที่ 2 และภาษาที่ 3 หลายโรงเรียนและหลายมหาวิทยาลัยในประเทศไทยเปิดวิชาภาษาจีนสำหรับนักเรียนไทย และยังมีภาษาไทยรวมถึงศาสตร์วิทยาการต่างๆ สำหรับนักเรียนจีนที่เดินทางมาศึกษาต่อในประเทศไทยอีกด้วย เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความนิยมและกระแสความตื่นตัวเรื่องจีนในประเทศไทยได้เติบโตอย่างต่อเนื่องมั่นคง