จีนจะเร่งพัฒนาเครือข่ายให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 21 มกราคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนเปิดเผยว่า จีนจะเร่งพัฒนาเครือข่ายให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 20 ล้านคันภายในปี 2025

ตามเอกสารที่ออกโดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน และหน่วยงานรัฐบาลอีก 9 แห่ง ในช่วงดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 จีนจะเร่งสร้างเครือข่ายอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่สอดคล้องกับความต้องการในอนาคต โดยจะมีการสร้างสถานีให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบอัจฉริยะที่กระจายในพื้นที่ต่างๆอย่างสมดุล และมีประสิทธิภาพสูง

เอกสารดังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญในการเร่งดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในเขตชุมชน การยกระดับความสามารถในการให้บริการชาร์จและเปลี่ยนแบตเตอรี่ในเขตเมืองและในชนบท รวมทั้งการเสริมสร้างการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่

เอกสารฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า พื้นที่จอดรถทั้งหมดในชุมชนแห่งใหม่จะต้องมีการติดตั้งหรือมีพื้นที่สำรองสำหรับตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ภายในปี 2025 จุดบริการระหว่างทางด่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ทั่วประเทศ และจุดบริการระหว่างทางด่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ที่อยู่ในเขตนำร่องการอนุรักษ์ระบบนิเวศแห่งชาติและพื้นที่สำคัญสำหรับการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศ จะต้องมีการติดตั้งตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบเร็ว

นอกจากนี้ จีนยังจะเสริมความแข็งแกร่งในการบำรุงรักษาเครือข่ายสิ่งอำนวยความสะดวกการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รับรองความมั่นคงในการก่อสร้างโครงข่ายไฟฟ้าและการจ่ายพลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมการกำกับดูแลคุณภาพและความปลอดภัยของโครงข่ายไฟฟ้า และเพิ่มการสนับสนุนทางการคลังและการเงินทางด้านนี้

แนวปฏิบัติของหน่วยงานรัฐบาลดังกล่าวยังเน้นถึงการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จในพื้นที่ชนบท โดยมีแผนจะสร้างตู้ชาร์จในทุกอำเภอและทุกหมู่บ้าน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองในเขตชนบท

จนถึงขณะนี้ จีนได้สร้างตู้ชาร์จสาธารณะไปแล้วประมาณ 810,000 ตู้ แต่กว่า 70% อยู่ในพื้นที่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองค่อนข้างสูง เช่น มณฑลกวางตุ้งและนครเซี่ยงไฮ้ ในขณะที่พื้นที่ชนบทส่วนใหญ่ยังคงขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ

ข้อมูลล่าสุดจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีนแสดงให้เห็นว่า ปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 160% เมื่อเทียบปีต่อปี คิดเป็นจำนวน 3.52 ล้านคัน และส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์พลังงานใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 13.4%