มองการสร้างความเจริญในชนบทของเขตซินเจียงจากหมู่บ้านกลางทะเลทราย
กุญแจสําคัญในการสร้างความเจริญในชนบทคือการพัฒนาอุตสาหกรรม
ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมาอุตสาหกรรมชนบทของซินเจียงได้รับการยกระดับ การเพาะปลูกและเพาะเลี้ยงพืช-สัตว์แบบดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วยอุตสาหกรรมที่มีเอกลักษณ์และการพัฒนาอย่างมีคุณภาพ การบริหารจัดการด้านการผลิตที่ทันสมัยได้กลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น อุตสาหกรรมที่ 1 อุตสาหกรรมที่ 2 และอุตสาหกรรมที่ 3 เร่งการหลอมรวมเข้าด้วยกัน อุตสาหกรรมชนบทที่ขยายตัวและเข้มแข็งขึ้นกำลังกลายเป็นเสาหลักที่สําคัญสําหรับการสร้างความเจริญรุ่งเรืองในเขตชนบท
ตัวอย่างเช่น อำเภอเย่เฉิงในเขตซินเจียงมีพื้นที่ปลูกวอลนัท 580,000 โหม่ว หรือ ราว 241,667 ไร่ ในปี 2021 มีผลผลิตวอลนัทตลอดปี 120,000 ตัน ถือเป็นอุตสาหกรรมหลักแบบดั้งเดิมในท้องถิ่นและเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างความมั่งคั่งแก่ประชาชน
ปัจจุบันอำเภอเย่เฉิงมีโครงสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมแบบ "อำเภอมีวิสาหกิจชั้นนํา ตำบลมีฐานการเพาะปลูก หมู่บ้านมีสหกรณ์" ทั่วทั้งอําเภอมี "เวิร์กช็อปชนบท" มากกว่า 40 แห่ง ดึงดูดแรงงานส่วนเกินในชนบทกว่า 3,000 คนเข้าทํางานใกล้บ้าน ถุงเงินของชาวนาหนักขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับเรื่องราวของวอลนัท แอปเปิ้ลเมืองอาเค่อซู สาลี่หอมเมืองคูเอ่อเล่อร์ และองุ่นเมืองถูหลู่แฟน เป็นต้น ผลไม้พื้นเมืองที่เพาะปลูกตามเขตล้อมรอบพื้นที่แอ่งกระทะถาหลี่มู่ก็ได้รับการยกระดับมากขึ้นเช่นกัน
วาดพิมพ์เขียวสร้างความเจริญในชนบท หมู่บ้านเล็กกลางทะเลทรายมีชีวิตชีวา
หมู่บ้านซินชุน ตำบลต๋าลี่ย่าปู้อี อำเภออวี๋เถียน เมืองเหอเถียน เขตซินเจียง มีอายุเพียง "สองปี" เป็นหมู่บ้านใหม่ที่เกิดจากโครงการย้ายถิ่นฐานเพื่อบรรเทาความยากจน หมู่บ้านในอดีตอยู่ห่างไกลจากอำเภอเมือง ลึกเข้าไปในทะเลทรายมากกว่า 200 กิโลเมตร ไม่มีถนนเชื่อมถึง ไม่มีระบบน้ำประปา และไม่ได้รวมเข้าในเครือข่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ จึงถูกขนานนามว่า "ชนเผ่าทะเลทรายแห่งสุดท้าย"