จีนยังคงเป็นประเทศที่นักธุรกิจต่างชาตินิยมไปลงทุน
รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2022 ไว้ที่ 5.5% บนพื้นฐานของการเติบโตของจีดีพี 8.1% ในปีที่แล้ว และเปิดเผยว่า จะใช้มาตรการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น
ขณะนี้ จีนได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายและซับซ้อนที่สุดในการพัฒนาเศรษฐกิจของตน หลังจากต้องได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ การระบาดใหญ่ของโควิด-19 และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ในอนาคต จีนจะยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ และเป็นพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนการฟื้นฟูของเศรษฐกิจโลกอย่างมั่นคง
ข้อมูลล่าสุดแสดงว่า ในปี 2021 แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่เลวร้ายในทั่วโลก และการลงทุนระหว่างประเทศที่ซบเซา แต่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ใช้งานจริงในจีนแผ่นดินใหญ่กลับมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรก วิสาหกิจทุนต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นใหม่มีประมาณ 48,000 แห่ง และการลงทุนจากประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สิงคโปร์และเยอรมนี ขยายตัวเป็นตัวเลขสองหลัก
สิ่งที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในจีนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในรูปแบบกรีนฟิลด์ (greenfield investment) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างโรงงานใหม่ในจีน จึงแตกต่างกับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา ที่ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในรูปแบบการควบรวมและซื้อกิจการ แสดงให้เห็นว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ตกอยู่ในภาวะซบเซา จีนได้กลายเป็นสวรรค์สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ
อันที่จริง จีนไม่เพียงแต่สามารถปกป้องนักลงทุนต่างชาติให้พ้นจากความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังสามารถนำโอกาสการพัฒนามากมายให้แก่บรรดานักธุรกิจต่างชาติด้วย
ปัจจุบัน รัฐบาลจีนได้ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ ทำให้จีนสามารถแสดงบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและด้านอื่นในขอบเขตทั่วโลก การที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 5.5% นั้นหมายความว่า หลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 สิ้นสุดลง เศรษฐกิจจีนจะยังคงพัฒนาไปยังทิศทางที่มีคุณภาพสูง สมดุล และยั่งยืนต่อไป
ปัจจุบัน การหมุนเวียนภายในประเทศของจีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยุทธศาสตร์การพัฒนาแบบ “วงจรคู่” กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น และนับวันรวดเร็วยิ่งขึ้น ในอดีต วิสาหกิจทุนต่างประเทศในจีนส่วนใหญ่มีเป้าหมายหลักเพื่อขายผลิตภัณฑ์ของตนไปยังต่างประเทศ ในปี 2006 วิสาหกิจทุนต่างประเทศในจีนได้ส่งออกสินค้ามูลค่า 563,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 7 เท่าตัวของสินค้าที่จำหน่ายในจีน แต่ปัจจุบัน ยอดขายในจีนของวิสาหกิจทุนต่างประเทศเหล่านี้มีมูลค่าสูงถึง 1.45 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าการส่งออกอย่างมาก
รายงานการทำงานของรัฐบาลจีนในปีนี้ระบุว่า จะยึดมั่นในยุทธศาสตร์ขยายอุปสงค์ภายในประเทศ และส่งเสริมการฟื้นตัวของการบริโภคอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้วิสาหกิจทุนต่างชาติในจีนได้รับผลประโยชน์มากขึ้นจากตลาดที่กว้างใหญ่ของจีน
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ การลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมการผลิตของจีนลดน้อยลง แต่เงินทุนจากต่างชาติที่ไหลไปยังภาคบริการได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจบริการในรูปแบบใหม่ เช่น ประกันสังคม การดูแลสุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ ได้แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติเห็นโอกาสที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงและการยกระดับอุตสาหกรรมของจีน แน่นอน การเปลี่ยนแปลงในการลงทุนดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการผ่อนคลายเงื่อนไขในการเข้าถึงตลาด และการขยายการเปิดภาคบริการอย่างต่อเนื่องของจีน รายงานการทำงานของรัฐบาลจีนในปีนี้ยังเน้นว่า ต้องปฏิบัติตามบัญชีรายการประเภทกิจการต้องห้าม (Negative List) อย่างเข้มงวด ปรับปรุงสภาวะแวดล้อมในด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และเปิดภาคบริการอย่างครอบคลุมในเขตนำร่องมากขึ้น ตลอดจนออกนโยบายที่เป็นประโยชน์มากขึ้นต่อนักลงทุนต่างชาติในอนาคต
จีนในฐานะเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก มีบทบาทสำคัญโดยตรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโลก ในอนาคต จีนจะยึดหลักแสวงหาความก้าวหน้าในขณะที่สร้างความมั่นคงในการพัฒนาเศรษฐกิจ จะเปิดประเทศให้กว้างยิ่งขึ้น และจะมีส่วนร่วมมากขึ้นในการฟื้นฟูและสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก