บทวิเคราะห์ : สหรัฐฯควรเลิกนิสัยใส่ร้ายจีนตลอด
รัฐบาลสหรัฐฯชุดปัจจุบันไม่ต่างอะไรจากรัฐบาลสหรัฐฯชุดที่แล้วในการดำเนินนโยบายต่างประเทศต่อจีน เพียงแต่ว่า รัฐบาลสหรัฐฯชุดปัจจุบันหน้าซื่อใจคดยิ่งกว่ารัฐบาลชุดที่แล้วเสียอีก
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯได้แถลงนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯต่อจีน โดยได้ย้ำอีกครั้งถึงสิ่งที่เรียกว่า ทฤษฎีจีนคุกคาม การแข่งขันที่ต้องมีฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะ และการเมืองระหว่างประเทศลักษณะแบ่งพรรคแบ่งพวก พร้อมทั้งเผยแพร่คำโกหกเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีน และใส่ร้ายป้ายสีนโยบายภายในประเทศและต่างประเทศของจีน อย่างไรก็ตาม นายแอนโทนี บลิงเคนบอกชาวโลกว่า สหรัฐฯไม่ต้องการเห็นเกิดความขัดแย้งหรือสงครามเย็นครั้งใหม่
คำพูดดังกล่าวของนายแอนโทนี บลิงเคนช่างเป็นความขัดแย้งนี่กระไร! สำหรับคนทั่วโลก ง่ายมากที่จะเห็นเป้าประสงค์ที่แท้จริงของสหรัฐฯ นั่นก็คือ พยายามยับยั้งจีน ในขณะเดียวกัน แสร้งทำเป็นว่า ไม่ต้องการ
วิธีการแบบตีสองหน้าดังกล่าวไม่เพียงแต่เผยให้เห็นถึงแนวคิดสงครามเย็นที่ดื้อรั้นของสหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงนิสัยขี้โกหกของสหรัฐฯอีกด้วย
ตามสภาพความเป็นจริง สหรัฐฯเองที่เป็นผู้ทำลายระเบียบโลกที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลก และเป็นผู้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศตลอดจนสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา สหรัฐฯได้ทำสงครามในต่างประเทศครั้งแล้วครั้งเล่า ได้คว่ำบาตรประเทศหรือองค์กรต่างๆตามอำเภอใจ ได้สร้างความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ตลอดจนได้ละเมิดบรรทัดฐานขั้นพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ