‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการใหญ่สงครามบูรณาการควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม (2)
ผลการวิจัยและประเมินทางวิทยาศาสตร์อย่างรัดกุมพิสูจน์ให้เห็นว่า ด้วยสภาพประเทศในปัจจุบันของจีนซึ่งมีฐานประชากรทั้งหมดมากกว่า 1,400 ล้านคนและมีกลุ่มผู้สูงอายุจํานวนมาก หากไม่ดำเนินการป้องกันและควบคุมเข้มงวดอย่างทันท่วงที ก็ย่อมจะก่อให้เกิดการกลับมาระบาดวงกว้างในที่สุด ระบบการรักษาพยาบาลของจีนจะเผชิญความเสี่ยงล่มสลาย และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง กรณีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในมณฑลจี๋หลิน นครเซี่ยงไฮ้ และพื้นที่อื่น ๆ ของจีนถือเป็นคําเตือนในระดับสูง
มีผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า แม้อัตราการเสียชีวิตในช่วงการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนได้ลดลงก็จริง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากโควิด-19 นั้นกลับสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันที่เคยเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เดลตา
"ยืนหยัดที่จะควบคุมให้เหลือเป็นศูนย์อย่างถูกหลักวิทยาศาสตร์และแม่นยำ" เวลาเผชิญภัยคุกคามต่อความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพร่างกายของประชาชนจากโรคระบาดที่แปรปรวน คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่มีสี จิ้งผิงเป็นแกนหลัก ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน
สี จิ้นผิงเน้นย้ำหลายครั้งว่าโรคระบาดยังไม่ได้ผ่านพ้นไป เมื่อเกิดระบาดขึ้นมันจะลุกลามเร็วมาก ฉะนั้นเมื่อพบแล้วต้องบริหารจัดการด้วยมาตรการที่เข้มงวด จะผ่อนคลายไม่ได้เป็นอันขา จะ “มืออ่อน” ไม่ได้เป็นอันขาด
หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน สถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศและภูมิภาคทั่วโลกทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาอันสั้น เนื่องด้วยจีนได้ดำเนินมาตรการแทรกแซงที่มีประสิทธิภาพประการต่าง ๆ จึงสามารถทำให้ “เส้นกราฟที่เดิมจะลาดชันนี้ได้แบนราบลง”