ภาษา:ภาษาไทย

ผู้เชี่ยวชาญไทยชี้ ความตกลง RCEP เป็นแรงผลักดันยกระดับการแข่งขันของประเทศสมาชิก

criPublished: 2020-11-17 16:42:04
Share
Share this with Close
Messenger Pinterest LinkedIn

การลงนาม “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค” หรือ RCEP เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นชัยชนะร่วมกันที่ยิ่งใหญ่ของทั้ง 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนและ 5 ประเทศคู่เจรจา ซึ่งประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทั้งยังถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทั่วโลกจับตามอง

โอกาสนี้ ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางจีน (CMG) ได้สัมภาษณ์ รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการต่างประเทศวุฒิสภา และผู้เชี่ยวชาญจีนศึกษา โดยเธอกล่าวเน้นว่า ในภาพใหญ่ เขตการค้าเสรี RCEP จะเป็นแต้มต่อในการเข้าสู่ตลาดประเทศขนาดใหญ่อย่างจีน แต่ผู้ประกอบการไทยต้องศึกษากฎระเบียบในระดับมณฑลของจีนด้วย พร้อมเร่งปรับตัวเพื่อแสวงหาโอกาสจากการหันมาค้าขายกันเองในภูมิภาคมากขึ้นในยุคหลังโควิด-19

ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ระบุระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เป็นที่น่ายินดีที่ไทยสามารถเข้าร่วมความตกลง RCEP ซึ่งใช้เวลาเจรจานาน 7 - 8 ปี และ RCEP จะเป็นความตกลงการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก นอกจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว ยังมีจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เข้าร่วมด้วย ในภาพรวมการเข้าร่วม RCEP จะเป็นแรงผลักให้เกิดการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศสมาชิก

ในยุคหลังโควิด-19 ประเทศในภูมิภาคซึ่งรวมถึงไทยและจีนด้วยจะหันมาร่วมมือและค้าขายกันมากขึ้น ซึ่งจะช่วยขยายการผลิต การจ้างงาน และเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในแต่ละประเทศสมาชิกให้เติบโตต่อไป

นอกจากนี้ ความตกลง RCEP ยังถือเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เกิดการสร้างเครือข่ายการผลิตที่จะกลายเป็นห่วงโซ่คุณค่าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมากขึ้น

12全文 2 下一页

Share this story on

Messenger Pinterest LinkedIn