การประชุมสองสภาจีนกับสัญญาณสันติภาพจากจีน
ในการประชุมสองสภารอบล่าสุด ประเด็นที่ได้รับการจับตามากเป็นพิเศษคือการแสดงออกของจีนที่สามารถเชื่อมโยงไปยังความขัดแย้งในกรณียูเครน เนื่องจากทุกก้าวย่างของจีนจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ในแง่นี้นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถาม 27 ข้อ มีตั้งแต่วิกฤตยูเครนไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก สำนักข่าว CGTN วิเคราะห์ว่า นายหวัง อี้ใช้คำ “ความร่วมมือ” “การพัฒนา” “สันติภาพ” และ “ความปลอดภัย” บ่อยครั้งซึ่งบ่งบอกแนวโน้มการดำเนินกิจการระหว่างประเทศในช่วงเวลาวิกฤต นายหวัง อี้ยังกล่าวว่า โลกต้องการเอกภาพ ไม่ใช่การแบ่งแยก เพราะทุกฝ่ายบอบช้ำมามากจากเหตุการณ์โควิด-19 จุดยืนของจีนก็คือให้ทุกฝ่ายรักษาความสงบและใช้เหตุผลในการหาทางออก ดังนั้นจีนจะพยายามมีส่วนร่วมในการสร้างเวทีเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ในขณะเดียวกันจีนก็จะยังคงยึดมั่นคำเรียกร้องให้สหรัฐฯ และพันธมิตรใช้หลักเคารพกันและกัน การอยู่ร่วมกัน และดำเนินความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะสันติภาพจากฝ่ายจีนย่อมไม่ใช่การอ่อนข้อให้อีกฝ่ายมาคุกคามกดดัน
ท่าทีนี้สอดคล้องกับการวางตัวของจีนเสมอมา ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 17 ปี พ.ศ. 2550 อดีตประธานาธิบดีจีน นายหู จิ่นเทาประกาศให้จีนทำทุกอย่างเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมสัมพันธ์กับนานาประเทศ โดยใช้คำว่า “cultural soft power” แล้วกำหนดเป้าการบอกเล่าเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับจีนให้โลกรับรู้ แนวทางนี้ถูกตอกย้ำอีกครั้งในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 18 ปี พ.ศ. 2557 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงบอกว่า จีนจะเพิ่มการสื่อสารกับชาวโลกให้มากกว่าเดิมเพื่อสร้างมิตรภาพกับประชาคมนานาชาติ